Sawasdee krub
I wrote an article explaining about Bitcoin in Thai. So, I guess I can post it here for Thais to read and share their opinions about Bitcoin in a language they're more familiar with. Keep in mind that I'm a noob too, so pardon me if I'm wrong or can't answer your questions.
Bitcoin คือโปรเจค Open source ที่จะสร้างระบบ currency ใหม่ขึ้นมา โดยใช้เหรียญ Bitcoin เป็น medium of exchange ผ่าน internet เหมือนเงินใน Paypal แต่มันมีข้อแตกต่างตรงที่ระบบ Bitcoin นี้ ไม่มีใครควบคุม ไม่มี server ศูนย์กลาง เป็น completely distributed peer-to-peer network ที่ ไม่มีใครสามารถปิดมันลงได้เหมือน digital currency อื่นๆ ที่ใช้ server ศูนย์กลางควบคุมโดยมีบริษัทหนึ่งเป็นเจ้าของ ดังนั้น Bitcoin จึงมีข้อดีตรงที่
- ส่วนใหญ่จะไม่มีค่าธรรมเนียมการโอนเงิน (เหมือน 3.4% + $0.30 ของ paypal หรือ 1-3% ของ credit card) แต่บางครั้งหากส่งข้อมูลมากๆ จะสามารถใส่ค่าธรรมเนียมเล็กน้อย (0.01 btc) เพื่อจ่ายให้กับ node คนที่ทำการส่งข้อมูลได้
- ส่งได้ทั่วโลก
- คุณมีอิสระในการใช้เงินได้เต็มที่ ไม่มีใครมาบังคับคุณว่าห้ามใช้เงินไปในทางไหน หรือห้ามใช้เงินมากเกินเท่าไหร่
- ไม่สามารถอายัดหรือ freeze บัญชีของคุณได้ (คนที่ใช้ Paypal รับเงินจะโดนมาเยอะว่า พอลูกค้าได้รับของและมีโวยวาย(ไม่ว่าจะจริงหรือไม่จริง ลูกค้าโกงหรือไม่ก็ไม่รู้) Paypal จะ freeze บัญชีคุณไว้ก่อน และเข้าข้างคนส่งเงินเสมอ เคยโดนมาแล้ว ไม่เชื่อไปดูใน Paypalsucks.com ได้)
- การส่งเงินปลอดภัย และเป็น anonymous เพราะใช้ public-private key cryptography ซึ่งเป็น 2-way ไม่เหมือน 1-way ทั่วๆไปแบบ password เค้าบอกว่าหากจะมีคน hack bitcoin network ได้ ระบบธนาคารต่างๆ ก็จะล่มด้วยน้ำมือคนนี้เช่นกัน
- Bitcoin 1 เหรียญไม่สามารถปลอมแปลง(forge) หรือใช้ซ้ำกันสองครั้ง (double spend) ได้ เพราะระบบ 2-way cryptography และการเช็คกันผ่านระบบ peer-to-peer อันนี้ผมก็ไม่ได้เชี่ยวชาญในทางทฤษฏี ใครอยากรู้ละเอียดก็เชิญไปอ่านใน paper/ board technical discussion นะครับ
นี่เป็นวิดีโอโฆษณา Bitcoin ที่คนในฟอรั่มลงขันกัน ทำขึ้นมาครับ จะเข้าใจง่ายดี
http://www.youtube.com/watch?v=Um63OQz3bjo ตอนนี้ร้านค้า หรือคนที่รับการจ่ายเงินด้วย Bitcoin ก็มีเยอะขึ้นมากแล้ว แต่ถ้าเทียบกับการใช้งานทั่วๆไป ก็ยังไม่เยอะเท่าไหร่ เพราะคนที่ใช้ที่ผ่านมาอยู่ในกลุ่มแคบๆของพวก 1. Computer geek & computer scientist เพราะจะเข้าใจระบบ peer-to-peer ดีว่ามันทำงานอย่างไร และข้อดีที่กล่าวมานั้นเป็นจริงอย่างไร และ 2. Anarchist คือพวกไม่ชอบรัฐบาล (ไม่ชอบ government และการแทรกแทรงตลาดเสรี ทั่วๆไปนะครับ ไม่ได้หมายถึงพรรคไหน 55) เพราะไม่ชอบการ manipulation ในตลาดทุน และค่าเงินดอลล่าที่ตกลงๆๆๆ
ทีนี้.... ช่วงนี้ (ประมาณเกือบเดือนที่ผ่านมา) พอสื่อต่างๆ เริ่มเสนอข่าวเกี่ยวกับ Bitcoin นี้ คนก็เริ่มให้ความสนใจมากขึ้น และมีหลายๆคน มองว่า Bitcoin นี้จะมีการใช้งานแพร่หลายขึ้น และมีมูลค่ามากขึ้นในอนาคต คนก็เลยเริ่มซื้อ Bitcoin กันมากขึ้นๆๆ (ที่ซื้อมานี่ส่วนใหญ่ไม่ได้ซื้อมาใช้จ่ายหรอกครับ ซื้อมาเก็งกำไร) และที่ผ่านๆมา และราคาก็ขึ้นดีมากทีเดียว ผมเองก็เสียดายที่รู้เรื่องนี้ช้าไป (เม่าตกรถไปแล้ว! T^T) ไม่รู้ราคาจะมีขึ้นอีกมากเท่าไหร่
สำหรับข่าวต่างๆที่เว็บอย่าง Wall Street journal, Smart Money, CBS, Wired, Techcrunch, Washington Post, Gizmodo เริ่มรายงานในสองสามอาทิตย์ที่ผ่านมา มีตัวอย่างตามนี้ ถ้าเค้าไปอ่าน ก็น่าจะเข้าใจได้มากขึ้นนะครับ เพราะเค้าคงอธิบายได้ดีกว่าผม และกว้าง หลายมุมมองกว่าผม แนะนำให้ไปอ่านดูครับ นอกจากนี้ก็ search bitcoin ใน Google News ดูนะครับ
http://gizmodo.com/5803124/what-is-bitcoin (อันนี้ดูจะอ่านง่ายสุด)
http://www.smartmoney.com/invest/stocks/the-bitcoin-triples-again-1307638613180/?link=SM_inv_st_reshttp://blogs.wsj.com/tech-europe/2011/06/09/bitcoin-on-line-currency-taking-off/http://techcrunch.com/2011/05/21/the-bitcoin-experiment/http://www.washingtonpost.com/business/technology/bitcoin-ven-and-the-end-of-currency/2011/05/20/AFFoWd7G_story.html ตอนนี้ก็มีบริการต่างๆ ผุดขึ้นมาพร้อมกับ bitcoin economy มากมาย เพราะคนที่ใช้ bitcoin ส่วนใหญ่ก็เป็นพวก software engineer ที่สร้างอะไรเก่งอยู่แล้ว.. บริการเช่น เวบ classified bitcoin, online auction ด้วย bitcoin, bitcoin blog นับสิบ, รายการทีวีออนไลน์, วิกิ, เวบ bitcoin daily deal, เวบ referral, เวบเล่นเกม(การพนันนั่นเอง), โปรแกรมบน iPhone/android, เวบแอปอื่นๆ และที่สำคัญบริษัทที่รับแลกเปลี่ยน BTC <---> usd/euro ก็มีอยู่ 3-4 แห่ง
โดยแห่งที่ใหญ่ที่สุดคือ Mt.Gox มี trading volume ต่อวัน เมื่อเดือนก่อนอยู่ที่หลายหมื่นเหรียญ USD, แต่เมื่ออาทิตย์ก่อนเพิ่มเป็นราว 3 แสน USD, และเมื่อสองสามวันมานี้ trade กันจำนวนเกิน $1 ล้าน ต่อวัน! (สามสิบกว่าล้านบาทต่อวันครับผม)
ซึ่ง Volume สำหรับแต่ละวันนั้นสามารถดูได้ที่เวบนี้ http://bitcoincharts.com/charts/mtgoxUSD#rg60zvzcvzm1g10zm2g25
แต่อย่าลืมนะครับ ว่า อันนี้คือเงินที่เปลี่ยนมือกัน ไม่ใช่เงินที่เข้ามาใหม่ต่อวัน ส่วนราคา usd ต่อ btc นั้นไม่ต้องพูดถึง.. หากจะเปรียบเทียบนานๆกับเมื่อหลายเดือนก่อน ต้องดูเป็นกราฟ logarithmic scale กันเลยทีเดียว แบบนี้
http://bitcoincharts.com/charts/mtgoxUSD#rg180zlztgSzm1g10zm2g25 (ช่วง 6 เดือนก่อน, แกน Y เป็น ราคาหน่วย usd)
กราฟราคาธรรมดาในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ก็แบบนี้
http://bitcoincharts.com/charts/mtgoxUSD#rg30zig30-minztgMzm1g10zm2g25 ทั้งนี้ผมไม่ได้แนะนำให้คนไปซื้อมาเก็งกำไรนะครับ เพราะความเสี่ยงสูง ราคา volatile มาก เพราะราคาเป็นไปตาม demand-supply ล้วนๆ (แต่ดูที่ผ่านๆมาก็เหมือนจะ high-risk high-rewards นะ) แต่ผมคิดว่าตอนนี้ที่รายงานส่วนใหญ่มีแต่ในเวบออนไลน์ แต่(ผมคิดเองนะ) ถ้าเข้า mainstream มากกว่านี้ อย่างออกทีวีข่าวตอนเย็น ก็จะดังกว่านี้ มีคนสนใจมากกว่านี้ได้ แต่แน่นอน ถ้าคนที่คิดแบบนี้ผิด ไม่มีคนสนใจเกินกว่าในปัจจุบัน ราคาก็สามารถตกลงมามากได้เช่นกัน ตอนนี้ในฟอรั่ม ประเด็นพูดคุยกันที่สำคัญก็คือ ตอนนี้ Bitcoin มันอยู่ในช่วงฟองสบู่หรือเปล่า โดยแต่ละคนก็คิดว่าไอ้สิ่งในมันเจ๋งสุดๆ เปลี่ยนโลกแน่ๆ แห่ซื้อกันใหญ่ พอฟองสบู่แตกก็จะเหมือน พวกบริษัท internet ช่วงปี 2000 หรือเปล่า ก็ไม่มีใครรู้
การพัฒนา Bitcoin ที่่ผ่านมานั้น จะเป็นระบบ open source ทั้งหมด เริ่มจากนักวิจัยชาวญี่ปุ่นคนนึงชื่อ Satoshi Nakamoto ได้ publish paper เกี่ยวกับ currency ที่รันบน peer-to-peer network ในปี 2009, หลังจากนั้นก็มี developer/programmer ช่วยกันตั้ง community และ implement bitcoin network ขึ้นมาได้ในปี 2010. ตอนนี้เค้ารายงานว่านาย Gavin Andersen ได้รับเชิญไปนำเสนอเรื่อง Bitcoin ให้ CIA ฟังในงานสัมนาของ CIA แล้ว! (แสดงว่าดังขึ้นเรดาร์แล้ว 555)
อย่างไรก็ตาม พอเริ่มดังตอนนี้ก็มีคนโจมตีและพยายามต่อต้าน Bitcoin มากขึ้นเรื่อยๆ โดยหลักมีสองกลุ่ม ได้แก่
1. นักเศรษฐศาสตร์บางกลุ่ม ที่บอกว่า Bitcoin ไม่ใช่ legal tender ไม่สามารถใช้เป็น currency ได้ แต่ก็มีนักเศรษฐศาสตร์อีกหลายคนบอกว่าใช้ได้ ใช้เป็น medium of exchange ที่ดีได้ อันนี้ก็ไม่เป็นไร ผมเองก็ไม่ใช่ economist ก็ปล่อยเค้าเถียงกันไป
2. นักการเมือง โดยเฉพาะในอเมริกาและเยอรมัน เพราะบอกว่า Bitcoin ถูกนำมาใช้เพื่อซื้อสิ่งผิดกฏหมายอย่างกัญชาและยาเสพย์ติด และใช้ฟอกเงิน อันนี้ดังมาจากข่าวว่าเว็บ Silk Road ที่เป็นเว็บขายปุ้น ชื่อดัง(ในหมู่คนสูบ) รับจ่ายเงินผ่าน Bitcoin ได้ ซึ่งอันนี้ผมว่าจริงที่สุดครับใช้จ่ายเงินซื้อของผิดกฏหมายได้ (แต่จะส่งของมาที่บ้านคนซื้อยังไงก็อีกเรื่องนึง) และใช้เล่นการพนันได้อย่างสะดวก เพราะร้านค้าเหล่านี้ Paypal หรือ credit card ไม่รับแน่นอน
อย่างไรก็ตาม ข้อเสียนี้ มันมากจากข้อดีที่ว่า Bitcoin มันเป็นสกุลเงินเสรีครับ เจ้าของมีอิสระในการโอนเงินไปให้ใครก็ได้ตามที่ต้องการ และคนสนับสนุน Bitcoin ก็บอกว่าการกระทำเหล่านี้ เงินสดก็ใช้ทำได้เหมือนกัน
ผมอยากยกตัวอย่างกรณี Wikileak ปีก่อน ที่ออกมาแฉรัฐบาลอเมริกา และบริษัทใหญ่ๆของอเมริกา พอข่าวดังซักพัก ทั้ง Paypal และบริษัท credit card สัญชาติอเมริกัน ก็ต่างระงับช่องทางการส่งเงินบริจาคไปให้ wikileak ทั้งสิ้น เพราะคาดว่าถูกกดดันจากรัฐบาล คนหลายคน ไม่ว่าจะสนับสนุนนาย Julian หรือไม่ ก็เลยโวยวาย และแสดงข้อคิดเห็นกันใหญ่ ว่าทำไมเขาถึงไม่มีสิทธิ์ในการตัดสินใจการใช้เงินของเขา ทำไมบริษัทเหล่านี้ถึงสามารถตัดสินใจแทนเขาได้
นอกจากนั้น หลายคนที่ได้รู้จัก Bitcoin คร่าวๆ ก็อาจคิดว่ามันเป็น scam เป็น ponzi scheme หรือแชร์ลูกโซ่ ซึ่งอันนี้ผมยืนยันว่าไม่ใช่นะครับ ระบบ Bitcoin ไม่ได้มีบริษัทใดมีใครเป็นเจ้าของเป็นคนดำเนินการ ไม่มีใครเอาเงินของคนที่ซื้อ bitcoin ไปโกง ไปอ้างว่าจะนำไปลงทุน แต่ bitcoin มีความเสี่ยงในแง่ที่มูลค่าของ 1 bitcoin ต่อ 1 usd นั้นจะขึ้นอยู่กับ demand and supply ของตลาดล้วนๆ supply นั้นเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆและคงที่ ส่วน demand นี้ก็ขึ้นอยู่กับว่ามีคนรู้จักและอยากได้ bitcoin มากแค่ไหน ซึ่งที่ผ่านมาก็อย่างที่บอกครับ demand เริ่มพุ่งราคา bitcoin ต่อ usd ก็พุ่งตาม ส่วนในอนาคตจะขึ้นหรือลงก็มิอาจรู้ได้
ตอนนี้ก็คงพอเข้าใจบ้างแล้วนะครับ ว่า Bitcoin คืออะไร มีข้อดีข้อเสียอย่างไร (โอยยย... พิมพ์เหนื่อย -__-)
ในอนาคต Bitcoin จะได้รับการยอมรับจากสังคมได้มากแค่ไหน และราคา Bitcoin จะขึ้นลง คงที่อยู่ที่เท่าไหร่ จะถูกรัฐบาลประเทศไหนประกาศ Ban มั้ย ผมเชื่อว่าสังคม Bitcoin จะได้รับคำตอบภายในเวลาอันใกล้ ภายในปีนี้ ส่วนผลออกมาจะเป็นอย่างไรนั้นคงไม่มีใครรู้ได้ แต่โดยส่วนตัวแล้ว ผมคิดว่า มันคงเป็นสังคมที่ดีมิใช่น้อย ถ้าเราสามารถส่งเงินกลับเมืองไทยได้ในพริบตาไม่มีค่าธรรมเนียม แล้วใช้เงินนั้นซื้อของใน Amazon แล้วเดินไปกินก๋วยเตี๋ยวพร้อมควักมือถือขึ้นมาจ่ายให้ป้าเค้าเป็น Bitcoin ได้.. อีกไม่นานเกินรอ คงได้เห็นกันในฝันแน่นอนครับ
/ ดอน
* Disclaimer นิดนึง ว่า ผมไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับ Bitcoin นะครับ และถ้าคุณเข้าใจระบบ Bitcoin ตามที่ผมอ่านมา ก็คงเข้าใจว่า Bitcoin นี้มันไม่มีเจ้าของ ไม่มีบริษัทไหนได้กำไร จึงไม่มีใครมีส่วนได้ส่วนเสียด้วยเช่นกัน (ยกเว้น พวกคนที่ซื้อ/mine bitcoin ไว้เยอะๆเมื่อหลายเดือนก่อน พอราคาขึ้นก็ได้กำไรเยอะเลย แต่ก็คงต้องยกประโยชน์ให้วิสัยทัศน์ และความสามารถในการมองการณ์ไกลของเค้า ว่า bitcoin จะมีมูลค่ามากขึ้นได้ในอนาคต) ผมเพิ่งรู้จัก Bitcoin อาทิตย์ที่ผ่านมานี้เอง ซื้อเก็บมาได้แค่ 12 btc เองครับ เพราะปัจจุบันขึ้นตอนการซื้อนั้นยากมาก ไว้รอราคาลง market correction เมื่อไหร่ถึงจะคิดซื้ออีก ตอนนี้ hype กันราคาแพงเหลือเกิน แต่เตือนอีกรอบว่าเสี่ยงนะครับ อย่างนึงที่คนกลัวกันคือ ถ้าดังขึ้นมากๆ จนเป็นภัยต่อสกุลเงินดอลล่าหรือระบบการเงินอื่นๆ รัฐบาลอเมริกา อาจจะสั่ง ban bitcoin ได้ แน่นอนว่านั่นไม่สามารถปิดระบบ bitcoin ลงได้ เพราะมันไม่มี servier ให้ปิด แต่มันจะทำให้ demand และราคา bitcoin ตกลงอย่างมากแน่นอน
ที่ผมมาโพสก็เพราะเห็นคนไทยไม่รู้จัก Bitcoin กันเลย ตอนนี้ในเมกา และยุโรป ดังขึ้นเยอะ และชักแพร่กระจ่ายเกินกลุ่ม computer geek ไปมากแล้ว เลยอยากมาแนะนำให้รู้จักมั่งครับ และที่มาแนะนำเวบนี้ เพราะคิดว่าคนในเวบนี้สามารถใช้การ์ดจอแรงๆ mine หา bitcoin ได้โดยไม่ต้องใช้เงินซื้อครับ ซึ่งวิธีนี้เป็น mechanism ที่คนพัฒนา ได้ออกแบบไว้ให้เพื่อค่อยๆ introduce bitcoins แต่ละเหรียญๆเข้าสู่ระบบ bitcoin economy ไว้อยู่แล้ว
ข้อมูลเชิงราคาใน Article นี้ อ้างอิงวันที่ 9 กรกฏาคม 2011 นะครับ
Post ต่อไปนี้ผมจะอธิบายว่าในเศรษฐกิจ Bitcoin นี้ เหรียญ bitcoin 1 bitcoin มันมาได้อย่างไรนะครับ (คราวนี้สั้นๆ เพราะผมไม่รู้รายละเอียดเรื่อง mining มากครับ)